http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm#06-18 ได้รวบรวมแล้วกล่าวไว้ว่า
สิ่งที่นอยมเอาไว้ที่ภาคผนวก เช่น แบบสอบถาม แบบฟอร์มในการเก็บ หรือบันทึกข้อมูล
เป็นต้น เมื่อภาคผนวก มีหลายภาค ให้ใช้เป็น ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ภาคผนวก ค
แต่ภาคผนวก ให้ขึ้นหน้าใหม่
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921 กล่าวไว้ว่า
สิ่งที่นิยมเอาไว้ที่ภาคผนวก เช่น แบบสอบถาม แบบฟอร์มในการเก็บหรือบันทึกข้อมูล เมื่อภาคผนวก
มีหลายภาค ให้ใช้เป็น ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ฯลฯ แต่ละภาคผนวก ให้ขึ้นหน้าใหม่
ดร.พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2544 : 392) กล่าวไว้ว่า ภาคผนวกเป็นรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ต้องนำเสนอ ยืนยันเพื่อแสดงถึงการดำเนินการวิจัยอย่างเป็นระบบ และเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลงานวิจัยอีกทั้งจะเป็นการช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจ รายงานการวิจัยได้ดียิ่งขึ้น และได้เห็นแบบอย่างหรือแนวทางการดำเนินงานในบางประการ ภาคผนวกมีหลายลักษณะซึ่งอาจนำเสนอแยกเป็นหมวดหมู่เป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ภาคผนวก ค ฯลฯ และอาจเรียงลำดับตามขั้นตอนของกระบวนการวิจัย
สรุป
ภาคผนวกคือ
ข้อมูลในส่วนที่ใช้ในการอ้างอิงข้อมูลต่างๆในงานวิจัยเพื่อให้เกิดความเข้า
ใจมากขึ้นโดยเป็นข้อมูลที่ไม่จำเป็นที่จะต้องนำมเสนอในส่วนเนื้อหาหลักแต่นำ
มาใส่เอาใว้ในตอนท้ายของรายงานการวิจัยแทน เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์
แบบฟอร์มการเก็บรวบรวมข้อมูล ฯลฯ
อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921 สืบค้นเมื่อ 6 มกราคม 2556
ดร.พิชิต
ฤทธิ์จรูญ, ระเบียบวิธีการวิจัยทางสัมคมศาสตร์. กรุงเทพฯ : ศูนย์
หนังสือราชภัฏพระนคร, 2544
หนังสือราชภัฏพระนคร, 2544
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น